วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2551

วิชาเตรียมฝึกประสบการณ์วิชาชีพ


ในการเรียนวิชาเตรียมฝึกประสบการณ์วิชาชีพ กระผมได้รับความรู้ใหม่ๆและเรียนรู้ประสบการณ์จากคณะอาจารย์และวิทยากรในแต่ละครั้ง


สัปดาห์ 1 ได้มีการปฐมนิเทศ ในสัปดาห์แรกของการเรียนการสอน


สัปดาห์ 2 ได้เรียนรู้ถึงประวัติความเป็นมาของมหาลัยราชภัฦสวนดุสิต


สัปดาห์ 3 ได้เรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ และการใช้ทัษะต่างๆๆในด้านวิชาการและก็เรื่องการทำblogger


สัปดาห์4 กระผมได้ขาดการเรียนการสอนในสัปดาห์นี้


สัปดาห์5 ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาบุคลิกภาพในด้านปฦบัติตนอย่างไรถึงจะเป็นคนที่มีบุคลิกภาพที่ดีที่เหมาะสม


สัปดาห์6 ได้มีการนำเสนอโครงงานต่างๆๆในการเรียนการสอนสัปดาห์นี้ และได้เรียนรู้ว่าธุรกิจเพื่อชีวิตที่ยั่งยืนว่าจะเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันอย่างไร


สัปดาห์7 เรียนรู้เรื่องgeneration ต่างๆๆว่ายุคแต่ละgeneration มีความต้องการในแต่ละด้านอย่างไรและวิทยากรคนนี้มีความสามารถนำเสอนเรื่องร่าวได้ดี สนุกสนาน

ในการเรียนวิชาเตรียมฝึกประสบการณ์วิชาชีพมาในแต่ละสัปดาห์กระผมได้เรียนรู้เรื่องต่างๆๆมากมายและรู้สึกและเข้าใจว่าในการทำงานต้องมีแบบแผน และการปฏิบัติตัวต่างๆๆในการทำงานและสภาวะแรงกดดันมากมายเป็นอย่างไร ความต้องการในการทำงาน ผลตอบแทนในการทำงาน ก่อนที่จะได้ลงไปปฏิบัติงาน และฝึกงานจิงๆๆ และได้เรียนรู้ในด้านที่เราไม่เคยรู้มาก่อนในการฝึกงาน

ขอบคุณครับ

วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2551

การเดินทาง



ชีวิตของเราได้ลุกขึ้นอีกครั้งหนึ่งหลังที่เราได้มีลมหายใจและลืมตาดูโลกใบนี้ มันเป็นการเริ่มต้นที่แสนจะหาจุดหมายได้ยาก เริ่มจากการเรียนรู้เล็ก ๆ ของลมหายใจ จากนั้นก็มีลมหายใจมากหน่อยจนกระทั่งค่อย ๆ ผ่อนคลายลมหายใจ และหมดลมหายใจไปในที่สุด
เป็นความจริงของชีวิตที่เราต้องค้นหาตัวตนที่แท้จริงของชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะว่าการที่เราได้เกิดมาเป็นคนก็ถือว่ามีบุญวาสนามากแล้ว ชีวิตมันก็คล้าย ๆ กันหากเราคิดว่าสรรพสัตว์ทั้งหลายในโลกที่เกิดมานี้เป็นเพื่อนกันฉันท์ใด ใยเล่าคนเราจึงโชคดีทั้งทางการรับรู้ การถ่ายทอด
การเลียนแบบ การให้ความสุข ความทุกข์ รวมกระทั่งการเรียนรู้จากสิ่งเดิม ๆ ของชีวิตที่มีอยู่นั่นเอง หลายครั้งที่เรารู้สึกก้าวเท้าได้นั่นคือการเดินทางของเราเพื่อไปสู่จุดหมายปลายทางของชีวิตนี้
คุณปฏิเสธไม่ได้เพราะไม่มีคนไหนหรือสัตว์เหล่าใดที่เดินถอยหลังหากมันไม่รับรู้ถึงอันตรายข้างหน้า
แต่เราทั้งหลายมีแต่จะเดินไปข้างหน้าอย่างเดียว หากเรานอนพักผ่อนการเดินทางของเราก็ไม่ได้นิ่งเฉยเพราะเรามีสมองในการรับรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น มีการพยากรณ์ล่วงหน้า การวางแผนในขณะที่หยุดพักได้เกิดขึ้นกับเราทั้งหลาย ไม่เฉพาะคนตาดี หูหนวกก็เป็นเช่นนั้นรวมถึงเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ก็เหมือน ๆ กันกับคนเราที่ไม่ยอมหยุดนิ่งกับสิ่งต่าง ๆ ทั้งหลาย
เริ่มต้นของการเดินทางเรายังไม่มีใครตอบได้ว่าจุดหมายปลายทางที่เราต้องการนั้นมีอะไรบ้างแต่สิ่งที่เหมือนกันคืออุปสรรค โอกาส ความเป็นไปได้ของเราทั้งข้อดีข้อด้อยเป็นอย่างไร ทุกคนจะมองออกไปข้างหน้าอย่างไม่แลกลับเหลียวหลัง ต้องทำให้ได้ เป็นให้ได้ และต้องได้มันมาเมื่อเราเจอกับสิ่งที่ดีเราก็พอใจในสิ่งนั้น ถามว่าการเดินทางของเรามาถึงเป้าหมายปลายทางหรือยัง? ตอบได้ว่า
“สิ่งต่าง ๆ ที่คิดว่าดี ย่อมมีสิ่งที่ดีกว่าเสมอ” และมีหลายคำถามว่าเมื่อไร?จะถึงตรงนั้นสักที ไม่มีผู้ใดตอบได้เต็มปากมีแต่บอกได้ว่าเมื่อถึงตรงนั้นละ บทบาทของการแสดงแต่ละฉากก็ได้ผ่านไปอย่างที่เราต้องการหรือบางครั้งเราอาจไม่ต้องการกับการแสดงนั้นของแต่ละบทเดินทางของเรา แต่ถึงอย่างไรเราต้องต้องแสดงบทบาทนั้นให้สมจริงสมจังกับเรื่องราวที่เราได้รับมันมา จึงจะถือว่าเราทำงานในสิ่งที่เกิดมานี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยความดีงาม
การเดินทางนั้นมิได้สิ้นสุดเพียงตรงที่เรายืนอยู่เท่านั้นแต่มันจะย่างก้าวไปถึงตรงข้างหน้าของเราอย่างหลีกไม่ได้ สิ่งที่เราจะเดินไปถึงจุดหมายปลายทางตรงนั้นคืออะไรหากไม่ใช่ใจที่บริสุทธิ์อันไม่มีประมาณของเราที่มีค่ายิ่งกว่าเพชรเม็ดงามที่เจียรนัยแล้วไม่มีประมาณเลยทีเดียว

เครื่องปิดกั้นความประภัสสรแห่งจิต

เครื่องปิดกั้นความประภัสสรแห่งจิต O กิเลส เครื่องทำให้ปรากฏความเศร้าหมอง บังความประภัสสรแห่งจิต กิเลส ๓ กองใหญ่ เครื่องทำให้ปรากฏความเศร้าหมอง บังความประภัสสรแห่งจิต คือ โลภะ โทสะ โมหะ ก็คือการประกอบกันของอุปกิเลส ๑๖ ข้อ O อุปกิเลส เครื่องประกอบของกิเลส อุปกิเลส ๑๖ คือ ความละโมบไม่สม่ำเสมอ เพ่งเล็ง และตระหนี่ โทสะ คือ ร้ายกาจ โกรธ ผูกโกรธไว้ โมหะ คือ ลบหลู่คุณท่าน ตีเสมอ คือ ยกตัวเทียมท่าน มารยา คือ เจ้าเล่ห์ โอ้อวด หัวดื้อ แข่งดี ถือตัว ดูหมิ่นท่าน มัวเมา และเลินเล่อ O ความโลภ โกรธ หลง จะถูกทำลายสิ้น เมื่อทำลายอุปกิเลสหมดสิ้น แม้เพียงทีละข้อ แม้ทำลายกิเลสทั้งกองพร้อมกันไม่ได้ การทำลายอุปกิเลสทีละข้อเป็นวิธีให้สามารถทำลายกิเลสทั้งกองได้ทุกกอง ความโลภ ความโกรธ ความหลง จะถูกทำลายหมดสิ้นได้ เมื่อทำลายอุปกิเลสหมดสิ้น แม้เพียงทีละข้อสงสัย O เครื่องปิดกั้นความประภัสสรแห่งจิต จิตของเราทุกคนบริสุทธิ์ประภัสสรอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่ได้เห็นกันทั้งๆ ที่ปรารถนาจะเห็นเที่ยวแสวงหา เพราะไม่ยอมรับรู้ความจริงว่าตัวเองไม่เคยหยุดยั้งการสร้างอุปสรรคขวางกั้นไว้ตลอดเวลา ความคิดปรุงแต่งอุปกิเลสทั้งปวงที่ไม่เคยหยุดยั้งนั่นแหละ คือ เครื่องขวางกั้นบังจิตที่ประภัสสรเสียหมดสิ้น เพียงหยุดความคิดปรุงแต่งอุปกิเลสเสียบ้าง ความประภัสสรแห่งจิตก็จะปรากฏให้เห็นได้บ้าง ยิ่งหยุดความปรุงแต่งอุปกิเลสได้มากเพียงไร ความประภัสสรแห่งจิตก็จะปรากฏให้เห็นได้มากเพียงนั้น ถ้าหยุดความคิดปรุงแต่งอุปกิเลสได้อย่างสิ้นเชิง ความประภัสสรแห่งจิตก็จะปรากฏเจิดจ้าชัดเจนเต็มที่ มีความสว่างไสว ไม่มีเปรียบ ไม่มีพลังอำนาจแม้วิเศษเพียงใด จะสามารถบังความประภัสสรแห่งจิตของผู้ไม่มีความคิดปรุงแต่งอุปกิเลสทั้งปวงได้ O ถ้าทุกคนตั้งใจทำความประภัสสรแห่งจิตของตน โลกที่กำลังร้อนกำลังยุ่งก็จักหยุดร้อนหยุดยุ่ง ผู้มีปัญญาปรารถนาจะได้พบเห็นแสงประภัสสรแห่งจิต ให้ตื่นตาตื่นใจ พึงเริ่มใช้สติปัญญาให้เต็มที่ หยุด หยุดยั้งความคิดปรุงแต่งอุปกิเลสเถิด ใช่ว่าจะยากเกินความพยายามก็หาไม่ ใช่ว่าจะเห็นผลนานช้าก็หาไม่ ถ้าทุกคนพากันตั้งใจทำความประภัสสรแห่งจิตของตน ให้ปรากฏสว่างรุ่งเรืองยิ่งขึ้นทุกทีทุกที แม้จะยังไม่ถึงกับปรากฏเต็มที่ โลกก็จะหยุดยุ่ง เมืองก็จะหยุดร้อน ทั้งที่กำลังยุ่ง กำลังร้อนยิ่งขึ้นทุกเวลา O อำนาจความประภัสสรแห่งจิต อัศจรรย์ยิ่งนัก อำนาจความประภัสสรแห่งจิตนี้มหัศจรรย์นัก มหัศจรรย์จริงไม่เพียงจะดับทุกข์ดับร้อนให้เย็นแก่ตนเองเท่านั้น แต่สามารถดับความร้อน ดับอันตราย ที่จะเกิดแก่สถาบันของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ของเราได้ด้วย เราทุกคนเป็นผู้มีปัญญา มีความรู้พระคุณยิ่งใหญ่แท้จริงนัก ของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สามารถแสดงความกตัญญูกตเวทีตอบสนองได้ด้วยวิธีที่ทุกคนสามารถ คือ ตั้งใจทำสติใช้ปัญญาที่มีอยู่เต็มที่ เพื่อหยุดความคิดปรุงแต่งอุปกิเลสทั้งปวงให้ได้ แม้ทีละเล็กละน้อย ทีละข้อสองข้อ O มาเป็นคนดีกันเถิด อย่าเป็นคนชั่วเลย ด้วยการแสดงกตัญญูกตเวทีต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี ความอกตัญญูจึงเป็นเครื่องหมายของคนชั่ว มาเป็นคนดีกันเถิด อย่าเป็นคนชั่วเลย